How To เลือกเครื่องปรับอากาศอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

เลือกเครื่องปรับอากาศอย่างไรให้ประหยัดไฟ คุ้มค่า ใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ

ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองร้อน อากาศบ้านเรานั้นร้อนจัดแทบตลอดทั้งปี ดังนั้นเครื่องปรับอากาศหรือแอร์จึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องมีแทบทุกบ้าน แต่รู้มั้ยว่าการเลือกเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับบ้านของเรานั้นสำคัญมาก เพราะหากเลือกแอร์ไม่เหมาะกับขนาดหรือสภาพแวดล้อมในบ้านแล้วล่ะก็ อาจเป็นที่มาของปัญหาค่าไฟแพง แถมแอร์ที่เราใช้อาจต้องทำงานหนักเกินไปจนเสื่อมสภาพเร็วและมีปัญหาจุกจิกกวนใจตามมาด้วย ดังนั้นมาดูวิธีเลือกเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับบ้านกันดีกว่า

ทำความรู้จักกับเครื่องปรับอากาศประเภทต่าง ๆ

ก่อนไปดูวิธีเลือกเครื่องปรับอากาศ เราควรรู้จักประเภทของเครื่องปรับอากาศแต่ละแบบก่อนว่าต่างกันอย่างไร มีจุดเด่นอย่างไรบ้าง

  1. แอร์ติดผนัง
    แอร์ติดผนังเป็นหนึ่งในเครื่องปรับอากาศที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะประหยัดพื้นที่ มีการทำงานที่หลากหลาย ปรับฟังก์ชันการทำงานได้เยอะ นอกจากนี้ยังมีขนาดกะทัดรัด ดีไซน์สวย เหมาะกับการใช้งานทั้งในบ้านและคอนโด

  2. แอร์ตั้งพื้น
    แอร์แบบตั้งพื้นต่างกับแอร์ติดผนังเพราะต้องวางตั้งไว้บนพื้น ข้อดีก็คือถอดล้างทำความสะอาดง่าย แต่อย่างไรก็ตามแอร์แบบนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมในปัจจุบันเพราะต้องใช้พื้นที่ในการวาง รวมถึงไม่เหมาะกับบ้านที่มีเพดานสูงโล่ง บ้านในปัจจุบันที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่จึงไม่เหมาะกับแอร์แบบนี้เท่าไรนัก

  3. แอร์แขวน
    แอร์แขวนเป็นอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมเพราะประหยัดพื้นที่คล้ายกับแอร์ติดผนัง แต่สามารถกระจายความเย็นได้เร็วและครอบคลุมพื้นที่บริเวณต่าง ๆ ได้ดีกว่า จึงเหมาะกับห้องที่มีขนาดใหญ่หรือห้องเพดานสูง รวมถึงเหมาะใช้งานในอาคารสำนักงานด้วย

  4. แอร์ฝังฝ้า
    แอร์ฝังฝ้าเป็นแอร์ที่ฝังเข้าไปในฝ้าเพดาน ข้อดีคือประหยัดพื้นที่และสามารถกระจายความเย็นได้ครอบคลุมทุกทิศทาง มีความสวยงามกลมกลืนไป
    กับฝ้า จึงนิยมใช้ทั้งในบ้านและรีสอร์ท แต่ก็มีราคาสูงรวมถึงต้องใช้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการบำรุงรักษา

 

วิธีเลือกเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับบ้าน

เมื่อได้รู้แล้วว่าเครื่องปรับอากาศแต่ละประเภทมีลักษณะอย่างไรและมีจุดเด่นอะไรบ้าง คราวนี้เราลองมาดูแนวทางการเลือกเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับบ้านของเรากันดีกว่า

  1. รู้จักเลือกการเลือกขนาด BTU
    BTU หรือ British Thermal Unit หมายถึง ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศซึ่งเป็นหน่วยสากลใช้กันทั่วโลก ขนาด 1 ตันความเย็นนับเป็น 12000 BTU ต่อชั่วโมง ขนาด BTU มีความสำคัญอย่างมาก เพราะหากเลือกแอร์ที่มีขนาดไม่เหมาะสมกับห้องและสภาพแวดล้อม จะส่งผลกระทบหลายอย่างทั้งเปิดแล้วไม่เย็นฉ่ำ แอร์ต้องทำงานหนัก เปลืองค่าไฟ รวมถึงเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพก่อนถึงอายุการใช้งานด้วยวิธีคิดคำนวณ BTU แบบคร่าว ๆ สามารถทำได้โดยนำพื้นที่ของห้องคูณด้วย 650 – 800 BTU (จำนวนขึ้นอยู่กับลักษณะห้อง เช่น ทิศทางของห้อง การโดนแดด รวมถึงลักษณะการใช้งาน โดยบวกลบได้ประมาณ 5%) เช่น ห้องขนาด 28 ตร.ม. ไม่โดนแดดช่วงกลางวัน เหมาะกับแอร์ขนาด = 22 x 650 = 14300 BTU เป็นต้น

  2. ตรวจสอบคอมเพรสเซอร์แอร์
    คอมเพรสเซอร์แอร์มีความสำคัญมากกว่าที่คิด ดังนั้นการเลือกแอร์ต้องอย่าลืมดูประเภทของคอมเพรสเซอร์ด้วย โดยคอมเพรสเซอร์มีอยู่ 3 แบบ คือ คอมเพรสเซอร์ลูกสูบที่มีหลักการทำงานด้วยกระบอกสูบอัดน้ำยา มีกำลังสูง จึงสั่นสะเทือนมากและมีเสียงดัง คอมเพรสเซอร์โรตารี่ทำงานด้วยระบบใบพัดหมุน สั่นสะเทือนน้อย เสียงเงียบ เหมาะกับเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กที่ใช้งานทั่วไปในบ้าน และคอมเพรสเซอร์แบบขด ทำงานด้วยใบพัดแบบก้นหอย สั่นสะเทือนน้อยมากและแทบไม่ค่อยมีเสียง ถือว่าเป็นคอมเพรสเซอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในบ้านหรือคอนโดมากที่สุด

  3. ระบบฟอกอากาศ
    ปัจจุบันด้วยมลภาวะที่เพิ่มขึ้น การเลือกแอร์ที่มีระบบฟอกอากาศที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องขาดไม่ได้ เพราะระบบฟอกอากาศช่วยทำให้อากาศในบ้านของเราบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีระบบฟอกอากาศให้เลือกหลายระบบ คือ

    • ระบบฟอกอากาศโดยใช้แผ่นกรองดักฝุ่นละออง หากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีระบบฟอกอากาศแบบนี้ก็ต้องหมั่นล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนแผ่นกรองบ่อย ๆ เมื่อหมดอายุการใช้งาน ไม่อย่างนั้นอาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและกลิ่นอับ

    • ระบบฟอกอากาศโดยการดักจับด้วยไฟฟ้าสถิต เป็นเทคโนโลยีที่นำแนวคิดไฟฟ้าสถิตย์มาดักจับฝุ่นละอองในอากาศโดยใช้ตะแกรงไฟฟ้าและแผ่นโลหะแยกออกมาอีกชุดเพื่อดักฝุ่น ควรเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอเมื่อครบอายุการใช้งาน

    • ระบบฟอกอากาศโดยการปล่อยประจุไฟฟ้า เป็นเทคนิคการปล่อยประจุไฟฟ้าประจุลบออกมาในอากาศเพื่อดักจับฝุ่นซึ่งเป็นประจุบวก ฝุ่นที่อยู่ในอากาศจะหนักขึ้นจนร่วงหล่นลงบนพื้นห้อง ทำให้เราสามารถทำความสะอาดได้สะดวก

  4. ความสามารถในการประหยัดไฟ
    ถือเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องของการเลือกเครื่องปรับอากาศ ปัจจุบันต้องมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ คือมีดาวแสดงประสิทธิภาพการประหยัดไฟระบุเอาไว้ด้วย โดยเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ที่ระดับ 3 ดาวจะมีประสิทธิภาพในการประหยัดไฟมากที่สุด

 

มองหาเครื่องปรับอากาศคุณภาพ ต้องที่ที.ดับบลิว.ซี.แอร์

หากคุณกำลังมองหาเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับบ้าน ต้องที.ดับบลิว.ซี.แอร์ เพราะเราคือศูนย์รวมเครื่องปรับอากาศและแอร์บ้านแบรนด์คุณภาพเอาไว้มากกว่า 20 แบรนด์ พร้อมทีมช่างเทคนิคที่มีประสบการณ์สูง บริการรวดเร็ว ทันใจ เป็นมืออาชีพ จัดจำหน่ายพร้อมบริการหลังการขายยครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นบริการติดตั้ง ซ่อมบำรุง เปลี่ยนอะไหล่ จัดส่งรวดเร็วทันใจประติดตั้งทั่วประเทศ

นอกจากนี้ที.ดับบลิว.ซี.แอร์ขายแอร์ยังพร้อมให้บริการแบบฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงทุกวัน รวดเร็ว เชื่อถือได้เพราะเรารู้ดีว่าการแก้ไขปัญหาทันทีและตรงจุด คือแนวทางที่ดีที่สุดในการบำรุงรักษาแอร์เพื่อยืดอายุการใช้งานและเพื่อให้ลูกค้าทุกท่านสบายใจที่สุดเมื่อเลือกซื้อแอร์กับเรา

 

ติดต่อเรา
https://www.thavechaiair.com/
CALL-CENTER : 081-985-0077 กด1
LINE: @TWCAIR
https://www.facebook.com/thavechaiair

 

Visitors: 523,285